top of page
ค้นหา

Future Tech 2025: Disruptive Trends from McKinsey เทรนด์ใหม่ที่องค์กรไม่ควรมองข้าม

ree

ครึ่งปีหลังของ 2025 องค์กรทั่วโลกกำลังเผชิญความท้าทายเชิงโครงสร้าง ทั้งความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ราคาพลังงานที่สูงขึ้น และกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด ทำให้โมเดลธุรกิจแบบเดิมไม่สามารถรับประกันความสำเร็จได้อีกต่อไป ขณะเดียวกัน เทคโนโลยีก็กำลังเปลี่ยนเกมอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่การเงิน การผลิต พลังงาน ไปจนถึงสุขภาพ รายงานจาก McKinsey Technology Trends Outlook 2025 ชี้ชัดว่าหลายเทคโนโลยีกำลังขยับจาก “แนวโน้ม” สู่วงจรของ “โครงสร้างธุรกิจใหม่” ซึ่งจะกลายเป็นโอกาสองค์กรในอนาคต

ในบทความนี้ TIME Consulting จะขอพาทุกท่านร่วมสำรวจเทรนด์เทคโนโลยีจาก McKinsey Technology Trends Outlook 2025 ที่จะทำให้คุณได้เห็นโอกาสใหม่ ๆ ที่สามารถสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ!


6 เทคโนโลยีที่องค์กรต้องจับตาในครึ่งปีหลัง 2025


ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเทคโนโลยี “AI” ได้ถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่องในฐานะเทคโนโลยีพลิกเกม แต่ครึ่งปีหลังของปีนี้ยังมีอีกหลายเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนจากการทดลองไปสู่การใช้งานจริง และทยอยกลายเป็น โครงสร้างใหม่ของระบบธุรกิจและเศรษฐกิจโลก เช่น


1. Agentic AI: จากผู้ช่วย สู่กลไกตัดสินใจขององค์กร


ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังก้าวออกจากบทบาท “ผู้ช่วย” มาสู่การเป็น Agentic AI ที่สามารถคิด วางแผน ตัดสินใจ และลงมือทำได้จริง เทคโนโลยีนี้จึงถูกมองว่าเป็น แรงขับเคลื่อนใหม่ขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นงานการเงิน การจัดการห่วงโซ่อุปทาน หรือการบริการลูกค้า ตัวอย่าง เช่น McKinsey QuantumBlack Labs ที่พัฒนา Agentic AI สำหรับงาน Credit Memo Automation ในธนาคาร ช่วยตรวจสอบและยืนยันเอกสารการเงินที่ซับซ้อนแทนนักวิเคราะห์ จนทำให้ ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นกว่า 60% ภายในไม่กี่สัปดาห์ ขณะที่ Salesforce Agentforce ก็นำ AI Agent เข้ามาเสริมการทำงานของทีมขาย ตั้งแต่การตอบคำถามลูกค้า ไปจนถึงการคัดกรอง Lead ส่งผลให้ทีมสามารถปิดการขายได้เร็วและมากขึ้น


ข้อมูลของ McKinsey ยังสะท้อนถึงแนวโน้มทางตำแหน่งงานด้าน Agentic AI ที่เพิ่มขึ้นเกือบ 10 เท่าในช่วงปี 2023–2024 พร้อมเงินลงทุนกว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ Gartner คาดการณ์ว่า ภายในปี 2028 จะมีอย่างน้อย 15% ของการตัดสินใจประจำวัน ที่ขับเคลื่อนโดย AI โดยอัตโนมัติ นี่คือสัญญาณสำคัญที่องค์กรต้องเร่งสร้าง Decision Infrastructure ที่ผสาน คน กระบวนการ และเทคโนโลยี เข้าด้วยกัน เพื่อขับเคลื่อน Agentic AI จากแค่ “การทดลอง” ไปสู่ กลไกการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ ที่ทำให้ธุรกิจเดินหน้าได้จริง

 


ree

2. Digital Trust & Cybersecurity จากกฎหมายสากลสู่กลยุทธ์ธุรกิจขององค์กรไทย


ทุกวันนี้โลกดิจิทัลเต็มไปด้วยโอกาส แต่ก็แฝงไปด้วยภัยไซเบอร์ที่ซับซ้อนและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ทั้งลูกค้าและคู่ค้าต้องการความมั่นใจมากกว่าที่เคย องค์กรจึงไม่สามารถมองเรื่อง ความปลอดภัยและความโปร่งใสทางดิจิทัล เป็นเพียง “ทางเลือก” อีกต่อไป กรณีล่าสุดในไทยเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนสำหรับเรื่องนี้ บริษัทอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ถูกปรับกว่า 7 ล้านบาท จากการละเมิด PDPA เพราะละเลยการแต่งตั้ง DPO และไม่รายงานการรั่วไหลของข้อมูลทันเวลา นี่คือการบังคับใช้กฎหมายครั้งแรกที่สะท้อนว่า ธุรกิจไทยต้องจริงจังกับ Data Protection และ Cybersecurity แล้ว


ขณะเดียวกัน ในระดับสากลก็ได้มีการเคลื่อนไหวด้านนี้ทั้ง EU AI Act ที่เริ่มมีผลบังคับใช้ และมาตรฐานใหม่อย่าง ISO/IEC 42001 สำหรับระบบบริหารจัดการ AI เป็นสัญญาณว่าโลกธุรกิจกำลังเดินไปสู่ยุคของ Trust by Design  ทั้งนี้ TIME Consulting มองว่า Digital Trust ไม่ใช่แค่การป้องกันความเสี่ยง แต่คือการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน หากองค์กรสามารถออกแบบระบบ Cybersecurity และ Data Governance ได้อย่างถูกต้อง ตั้งแต่การประเมินความเสี่ยง การปรับให้สอดคล้องกับกฎหมาย จนถึงการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่มีความเชื่อมั่นเป็นรากฐาน เพื่อให้องค์กรก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจในโลกที่เปลี่ยนแปลงเร็ว



3. Quantum Technologies เมื่อโลกกำลังเข้าสู่ยุคหลังการเข้ารหัส


เทคโนโลยีควอนตัมกำลังถูกยกระดับจากงานวิจัยสู่ “โครงสร้างเชิงยุทธศาสตร์” ของโลก ความสามารถด้านการประมวลผลและการถอดรหัสกำลังเปลี่ยนทั้งระบบความปลอดภัยดิจิทัล การออกแบบวัสดุ ไปจนถึงการจำลองโมเลกุล ปี 2025 จึงถูก UN และ UNESCO ประกาศให้เป็น International Year of Quantum Science & Technology คือสัญญาณเตือนให้โลกเตรียมรับ “ยุคหลังการเข้ารหัส (Post-Quantum Era)” ที่ใกล้เข้ามา


ตัวอย่างเช่น IBM Europe Quantum Data Center ในเยอรมนี ที่เปิดให้บริการ Quantum Cloud ให้องค์กรเข้าถึงคอมพิวเตอร์ควอนตัมผ่านอินเทอร์เน็ต โดยไม่ต้องลงทุนสร้างเครื่องเอง สถาบันการเงินและผู้ให้บริการโทรคมนาคมเริ่มใช้งานจริงแล้วขณะเดียวกันยุโรปและสหราชอาณาจักรกำลังพัฒนาPost-Quantum Cryptography (PQC) เพื่อป้องกันการถอดรหัสแบบเดิม ภายใต้การลงทุนจาก Google, AWS และ Microsoft ที่เร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่ รายงานของ World Economic Forum คาดว่าอย่างน้อย 20% ของโครงสร้างดิจิทัลทั่วโลกจะได้รับผลกระทบจากควอนตัมภายในสิบปี องค์กรจึงควรเริ่มต้นจากการทำ Crypto Inventory และทดลอง PQC Pilot ตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อไม่ให้การเปลี่ยนผ่านแซงหน้า Road Map ธุรกิจ และพร้อมใช้ประโยชน์จากควอนตัมในเศรษฐกิจยุคใหม่



ree

4. Immersive-Reality Technologies จากสนามทดลองสู่โครงสร้างพื้นฐานธุรกิจไทย


“โลกเสมือนจริง (Immersive-Reality)” เป็นสนามทดสอบก่อนลงมือจริง ถือเป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์สำหรับองค์กรในการบริหารความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น BMW และ Siemens ใช้ Digital Twins จำลองสายการผลิต ส่งผลให้ลดอุบัติเหตุจากหุ่นยนต์ได้มากกว่า 60% และย่นระยะเวลาการออกแบบจากหลายเดือนเหลือเพียงไม่กี่วัน ผลลัพธ์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า Immersive-Reality กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของภาคอุตสาหกรรม

ในขณะเดียวกัน อุปกรณ์อย่าง Apple Vision Pro และ Meta Quest 3 กำลังผลักดันให้ธุรกิจออกแบบประสบการณ์ที่เชื่อมต่อระหว่างโลกจริงและโลกดิจิทัลอย่างไร้รอยต่อ ตั้งแต่การฝึกอบรม การบริการหลังการขาย ไปจนถึง customer experience รูปแบบใหม่สำหรับองค์กร วันนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญในการเริ่มต้น pilot project ที่พิสูจน์ ROI ได้จริง ผู้ที่ลงมือก่อนจะได้เปรียบและนำหน้าในวันที่ Immersive-Reality ไม่ใช่เพียง “ทางเลือก” แต่กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักของธุรกิจและบริการในอนาคต

ทั้งนี้ TIME Consulting เรามองว่า Immersive-Reality ไม่ได้เป็นเพียงเทคโนโลยีเสริมอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็น “รากฐานใหม่” ของการดำเนินธุรกิจและการสร้างคุณค่าในอนาคต สำหรับองค์กรไทยหากเริ่มต้น Pilot Project เพื่อพิสูจน์ ROI และพัฒนาต้นแบบที่สามารถต่อยอดได้จริง จะเป็นผู้ได้เปรียบ ทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และการสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่โลกธุรกิจกำลังยกให้เป็นมาตรฐานใหม่

 

 

5. Future of Energy & Sustainability พลังงานและความยั่งยืน: กลยุทธ์สำคัญแห่งอนาคต


เทรนด์ Future of Energy & Sustainability กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจาก AI และ Data Center ใช้พลังงานมหาศาล โดยศูนย์ข้อมูลหนึ่งแห่งอาจใช้ไฟฟ้าเทียบเท่ากับเมืองทั้งเมือง ความต้องการพลังงานจาก AI ที่เติบโตแบบก้าวกระโดด กำลังสร้างแรงกดดันต่อระบบไฟฟ้าของโลก โดย International Energy Agency (IEA) ระบุว่าในช่วงปี 2026–2030 ระบบพลังงานโลกจะเผชิญแรงกดดันหนักที่สุดในประวัติศาสตร์ และหากไม่เร่งปรับตัว หลายประเทศอาจเจอวิกฤตไฟฟ้าขาดแคลน

 

ความกังวลดังกล่าวทำให้บริษัท Big Tech ในต่างประเทศได้ลงมือดำเนินการจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ตัวอย่างเช่น Microsoft และ Google ลงทุนซื้อไฟฟ้าจาก Small Modular Reactors (SMRs) เพื่อรับประกันเสถียรภาพของ Data Center ขณะที่ Synhelion เปิดโรงงานผลิต e-fuels จากพลังงานแสงอาทิตย์เชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลก นอกจากนี้ การลงทุนในพลังงานสะอาดทั่วโลกก็สูงมาก เงินลงทุนใน Solar PV ทะลุ 500 พันล้านดอลลาร์ และข้อตกลงด้าน Hydrogen กว่า 75 พันล้านดอลลาร์ ทั้งหมดนี้กำลังปูทางให้พลังงานสะอาดกลายเป็น “โครงสร้างธุรกิจใหม่” จากที่เคยเป็นเพียงต้นทุนการดำเนินงาน พลังงานกลายเป็น “กุญแจเชิงกลยุทธ์” ที่ตัดสินว่าธุรกิจใดจะสามารถยืนระยะได้มั่นคงท่ามกลางการแข่งขัน พร้อมเชื่อมโยงโดยตรงกับ ESG, Data Center และการพัฒนาเศรษฐกิจยั่งยืน ดังนั้น องค์กรที่ไม่ปรับตัวด้านพลังงาน จะเสี่ยงต่อเรื่องต้นทุน ความมั่นคง และความน่าเชื่อถือ ในสายตาลูกค้าและนักลงทุนได้



ree

6. Future of Bioengineering ก้าวสำคัญสู่เศรษฐกิจใหม่


Bioengineering เป็นทั้งโอกาสทางเศรษฐกิจ เครื่องมือสร้างความยั่งยืนทางสังคม และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งกำลังกลายเป็นยุทธศาสตร์หลักของอนาคต เพราะเชื่อมโยงกับสุขภาพ ความมั่นคงทางอาหาร และพลังงานสะอาด ตลาดโลกของ Bioengineering เติบโตอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น Cell & Gene Therapy ซึ่งมีมูลค่า 5.9 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 และคาดว่าจะพุ่งสูงถึง 30 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2033 เทคโนโลยี CRISPR Casgevy เริ่มถูกใช้รักษาโรคโลหิตจางและธาลัสซีเมียในสหรัฐฯ และยุโรป โดยผู้ป่วยกลุ่มแรกได้รับการรักษาแล้วในปี 2024 สิ่งนี้ยืนยันว่า Bioengineering ไม่ได้อยู่แค่ในห้องแล็บ แต่กำลังเปลี่ยนชีวิตผู้คนจริง ๆ ขณะเดียวกัน สตาร์ทอัพในยุโรปกำลังพัฒนา โปรตีนทางเลือกและวัสดุชีวภาพ ที่ทดแทนปิโตรเคมี ซึ่งจะช่วยให้ อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร ก้าวสู่รูปแบบใหม่ที่ยั่งยืนมากขึ้น


สำหรับประเทศไทยจุดแข็งด้านสาธารณสุขและเกษตร เป็นฐานที่พร้อมต่อยอด หากธุรกิจและผู้กำหนดนโยบายสามารถวางจุดยืนได้ตั้งแต่วันนี้ว่าจะเป็นผู้ใช้ ผู้ร่วมพัฒนา หรือผู้ลงทุน ประเทศไทยก็จะพร้อมรับคลื่น Bioengineering ที่กำลังจะกลายเป็นโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ของโลกในทศวรรษหน้า



ree

ในปี 2025 เทรนด์เทคโนโลยีทั้ง 6 ด้านสะท้อนชัดเจนว่า อนาคตของธุรกิจไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเลือกลงทุนในเทคโนโลยีใดเทคโนโลยีหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับการบูรณาการเทคโนโลยีหลายมิติให้สอดคล้องกับกลยุทธ์องค์กร AI จำเป็นต้องเดินคู่กับ Digital Trust เพื่อสร้างความมั่นใจในการใช้เทคโนโลยีอย่างรับผิดชอบ ขณะที่ Quantum Computing กำลังผลักดันให้ธุรกิจเริ่มเตรียมความพร้อมสำหรับ Post-Quantum Cryptography ส่วน Spatial Computing เริ่มพิสูจน์ ROI จริงในภาคอุตสาหกรรม พลังงานสะอาดกำลังกลายเป็นตัวแปรเชิงกลยุทธ์ขององค์กร และชีววิศวกรรม (Bioengineering) ขยายขอบเขตการเปลี่ยนแปลงไปไกลกว่าเพียงภาค Healthcare สำหรับผู้บริหารและองค์กร ความท้าทายคือการออกแบบ Roadmap ภายใต้ Strategic Window ของครึ่งปีหลัง 2025 เพื่อเชื่อมเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ากับเป้าหมายธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม การทำเช่นนี้จะช่วยเปลี่ยนช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนให้กลายเป็นความได้เปรียบเชิงโครงสร้างระยะยาว


ดังนั้น บทบาทของที่ปรึกษาในบริบทของเทคโนโลยียุค 2025 จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะที่ปรึกษาไม่เพียงชี้แนวทางเชิงกลยุทธ์ (Strategic Guidance) แต่ยังสามารถช่วยองค์กรสร้างโครงสร้างรองรับเทคโนโลยี (Infrastructure & Capability Building), บริหารความเสี่ยงและปฏิบัติตามกฎหมาย (Risk & Compliance), สร้างมูลค่าและนวัตกรรม (Value Creation & Innovation) และ เตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต (Future Readiness) ทำให้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ไม่ใช่เพียงเครื่องมือ แต่กลายเป็น แรงขับเคลื่อนธุรกิจที่แท้จริง

 



ที่มา :


bottom of page