TIME Consulting x กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดประชุมเผยแพร่ผลการศึกษาโครงการประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ ปี 2568 ชู Sport Tourism และ Entertainment สู่กลไกขับเคลื่อนเศรษกิจไทย

เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2568 กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับบริษัท ไทม์ คอนซัลติ้ง จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาโครงการจัดการประชุมเผยแพร่ผลการศึกษา “โครงการประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ” ณ ห้องเมย์แฟร์ บอลรูม B โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ เพื่อเผยแพร่ผลการศึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจอย่างเป็นทางการ และนำข้อมูลเชิงประจักษ์จากการวิจัยมาใช้เป็นฐานในการกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคการท่องเที่ยวของประเทศในอนาคตอย่างเป็นระบบ โดยการจัดงานครั้งนี้ได้รับเกียรติจากนางวนิดา พันธ์สอาด รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ได้มาเป็นประธานเปิดงานอย่างเป็นทางการ พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเข้าร่วมอย่างคับคั่ง

กิจกรรมในช่วงเช้า บริษัท ไทม์ คอนซัลติ้ง จำกัด ที่ปรึกษาโครงการฯ ได้นำเสนอกรอบวิธีวิจัยและผลการศึกษา โดยมุ่งวิเคราะห์รายได้ การจ้างงาน และผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ ครอบคลุมกิจกรรมการประชุม สัมมนา นิทรรศการ ตลอดจนกิจกรรมเชิงกีฬา–ความบันเทิง โดยเก็บข้อมูลจากผู้ประกอบการ 3,082 ราย และนักท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ 10,138 ราย ทั่วประเทศ เพื่อนำมาวิเคราะห์เชิงปริมาณและเชิงนโยบายสะท้อนภาพรวมของอุตสาหกรรมไมซ์และการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจในประเทศไทย

ผลการศึกษาพบว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงธุรกิจสร้าง ค่าใช้จ่ายทางตรงรวมกว่า 575,908.50 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายจากฝั่งผู้จัดงาน 96,635.46 ล้านบาท และจากฝั่งผู้เข้าร่วมกิจกรรม 479,273.04 ล้านบาท ข้อมูลรายหัวชี้ว่าตลาดต่างชาติสร้างมูลค่าการใช้จ่ายต่อทริปสูงกว่าตลาดในประเทศอย่างชัดเจน เช่น ค่าที่พักเฉลี่ย/คน/ทริป ไทย 3,066.71 บาท เทียบกับต่างชาติ 9,508.71 บาท และ ค่าอาหารเครื่องดื่ม ไทย 2,610.93 บาท เทียบกับต่างชาติ 14,748.27 บาท ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพของธุรกิจบริการ โรงแรม ร้านอาหาร และผู้ให้บริการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพในการต่อยอดตลาดต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูง

สำหรับกิจกรรมในช่วงบ่ายของงานได้มีการเปิดเสวนากับหัวข้อสำคัญ ได้แก่ “Game Changer to Destination Next: พลิกโฉมเศรษฐกิจไทยด้วย Sport Tourism & Entertainment Event และการปักธงไทยสู่เจ้าภาพอีเวนต์ระดับโลก” โดย บริษัท ไทม์ คอนซัลติ้ง จำกัด ได้รับเกียรติจาก คุณจักรกฤษณ์ สังกิตติวรรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทม์ คอนซัลติ้ง จำกัด ทำหน้าที่ผู้ดำเนินรายการ พร้อมด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ คุณจีระยุ จารุกิตติวรกานต์ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และคุณศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ กรรมการปฏิคมและประธานคณะกรรมการการท่องเที่ยวคุณภาพสูงหอการค้าไทย การเสวนาครั้งนี้สะท้อนแนวคิดร่วมว่า “อุตสาหกรรมไมซ์จะเติบโตได้อย่างยั่งยืนต้องอาศัยความร่วมมือแบบบูรณาการ” ระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนในท้องถิ่น โดยเฉพาะในมิติของการสร้างแบรนด์เมือง (City Branding) และการต่อยอด Soft Power จากเอกลักษณ์ของแต่ละพื้นที่

ทั้งนี้ คุณศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ ประธานคณะกรรมการการท่องเที่ยวคุณภาพสูงหอการค้าไทย ได้ร่วมแชร์มุมมองว่า การจัดอีเวนต์ให้เกิดความต่อเนื่องและยั่งยืนจำเป็นต้องมีการ “ต่อยอด” อยู่เสมอ เพราะปัจจุบัน Sport Event ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในเมืองหลักเท่านั้นแต่ได้ขยายไปมากกว่า 10–20 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งความสำเร็จของการจัดงานขึ้นอยู่กับความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน และคนในพื้นที่ ที่ต้องขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกันเพื่อให้การจัดงานสร้างมูลค่าได้จริงในระยะยาว ขณะที่ คุณจีระยุ จารุกิตติวรกานต์ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นถึงแนวทางการพัฒนาเมืองในมิติของการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจว่าอัตลักษณ์ที่แท้จริงของแต่ละจังหวัดคือ หัวใจสำคัญของการสร้างจุดขายและสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญควบคู่กันคือ “การสื่อสาร การประชาสัมพันธ์ และการขาย” เพื่อให้แต่ละพื้นที่สามารถนำเสนอศักยภาพของตนได้อย่างตรงจุดและเกิดผลเชิงเศรษฐกิจที่เป็นรูปธรรม

การดำเนินโครงการนี้แสดงให้เห็นว่าข้อมูลทางเศรษฐกิจสามารถนำไปสู่แนวทางเชิงนโยบายที่เป็นรูปธรรม ทั้งในด้านการพัฒนาเมือง การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการสร้างระบบนิเวศธุรกิจใหม่ที่เชื่อมโยงการท่องเที่ยว กีฬา และความบันเทิงเข้าด้วยกัน

บริษัท ไทม์ คอนซัลติ้ง จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาโครงการหลัก ได้นำความเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงนโยบายและเศรษฐกิจสร้างสรรค์มาประยุกต์ใช้ในการออกแบบกรอบการประเมินและจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบาย เพื่อให้ภาครัฐสามารถใช้เป็นข้อมูลสนับสนุนการวางยุทธศาสตร์ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจของประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น “ศูนย์กลางการจัดงานและกิจกรรมระดับโลกของภูมิภาคอาเซียน”