top of page

AI Literacy, Human Responsibility: กลยุทธ์การทำงานร่วมกับ AI อย่างยั่งยืนในองค์กร

ree


ในปัจจุบันเทคโนโลยี AI ได้ก้าวขึ้นมาเป็น “ผู้ช่วย” ของหลาย ๆ องค์กร ตัวอย่างเช่น การใช้ ChatGPT เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก หรือช่วยคิดแนวคิดในการตัดสินใจ ทำให้เทคโนโลยีในวันนี้ไม่ได้แค่ทำงานแทนคน แต่กำลัง “เรียนรู้และพัฒนาไปพร้อมกับคน” อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แยก “ผู้ใช้ AI ได้” ออกจาก “ผู้ใช้ AI เป็น” จึงไม่ใช่เพียงการรู้จักเครื่องมือใหม่ ๆ แต่คือการเข้าใจหลักคิด วิธีตัดสินใจของระบบ และรู้ว่ามนุษย์ควรรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร


จากรายงาน Microsoft Work Trend Index ได้เผยให้เห็นว่า พนักงานทั่วโลกเริ่มนำ AI มาใช้ในงานเพื่อเพิ่มความเร็วและคุณภาพในการทำงานมากขึ้น ขณะเดียวกัน ผู้บริหารจำนวนไม่น้อยกลับกังวลว่า การขาดทักษะและความเข้าใจด้าน AI ของบุคลากร อาจกลายเป็นความเสี่ยงในระยะยาว เพราะเมื่อถูกใช้อย่างไม่เข้าใจ อาจสร้างปัญหาแทนที่จะช่วยแก้ไข ดังนั้น “การมีความรู้ในด้านการใช้ AI” จึงกลายเป็นทักษะพื้นฐานสำคัญในการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และเทคโนโลยีในยุคนี้



AI Literacy คืออะไร? จากความรู้เทคโนโลยีสู่ทักษะเชิงคิดที่รับผิดชอบ


AI Literacy หมายถึง ความเข้าใจและความสามารถในการใช้เทคโนโลยีอย่างมีจริยธรรม มีประสิทธิภาพ และมีวิจารณญาณในการตัดสินใจ ไม่เพียงแค่รู้วิธี “ใช้” เทคโนโลยี แต่รวมถึงการรู้ว่า เมื่อใดควรใช้ และเมื่อใดไม่ควรใช้ เพื่อให้การทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI ดำเนินไปอย่างสมดุล ปลอดภัย และเกิดประโยชน์สูงสุด

การมี AI Literacy ยังช่วยให้คนทำงานสามารถตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ ใช้ AI เป็นเครื่องมือในการคิด วิเคราะห์ และสร้างสรรค์อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ หนึ่งในกรอบแนวคิดที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในการพัฒนา AI Literacy คือ “4C Framework” ซึ่งช่วยให้บุคลากรเข้าใจการทำงานของ AI ในทุกมิติ และสามารถนำไปปรับใช้ได้อย่างเหมาะสมในชีวิตการทำงานจริง


  • Comprehend เข้าใจหลักการทำงานและขอบเขตของ AI ว่าทำอะไรได้และทำอะไรไม่ได้

  • Communicate สื่อสารและตีความผลลัพธ์จากระบบ AI ได้อย่างถูกต้องไม่เข้าใจผิดจากข้อมูลที่เห็น

  • Critique ตรวจสอบอคติ ความถูกต้อง และความเสี่ยงเพื่อให้ผลลัพธ์ของ AI โปร่งใสและเป็นธรรม

  • Create ประยุกต์ใช้ AI เพื่อสร้างคุณค่าและนวัตกรรมใหม่ให้กับงานหรือองค์กร


เมื่อมองผ่านกรอบนี้จะเห็นว่า AI Literacy ไม่ได้หมายถึงการมีความรู้ทางเทคนิคเพียงอย่างเดียวแต่คือ ทักษะเชิงคิดที่ทำให้มนุษย์ใช้เหตุผลเหนือผลลัพธ์ เข้าใจข้อจำกัดของเทคโนโลยี และรู้วิธีใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยไม่ละเลยความรับผิดชอบ

 


ree


เมื่อพนักงานเข้าใจการทำงานของ AI จะทำให้สามารถใช้เทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้ว่าควรใช้เมื่อใดและควรระมัดระวังเรื่องใด ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อผลลัพธ์ของงาน โดยจากงานวิจัยจาก Harvard Business School และรายงานของ Boston Consulting Group (BCG) พบว่าพนักงานที่ผ่านการอบรมด้าน AI Literacy และ AI Tools ทำงานได้รวดเร็วขึ้นและคุณภาพงานดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในสายงานที่ต้องใช้การวิเคราะห์และการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ เช่น การเงิน การตลาด และบริการลูกค้า ดังนั้น การเข้าใจกลไกของ AI จึงไม่ใช่เรื่องของเทคนิคเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการรู้เท่าทันระบบที่เราใช้งาน และสามารถใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยไม่ละเลยความรับผิดชอบ


ตัวอย่างเช่น ในภาคการเงิน ระบบอัตโนมัติสามารถคำนวณความเสี่ยงสินเชื่อได้ภายในไม่กี่วินาที แต่พนักงานที่มี AI Literacy จะรู้ว่าควรตรวจสอบข้อมูลที่อาจมีอคติ และเติมบริบทที่โมเดลมองไม่เห็น เพื่อให้ผลลัพธ์เป็นธรรมและโปร่งใส เช่นเดียวกับภาคการตลาด ทีมงานที่เข้าใจหลักการของ AI สามารถใช้เครื่องมืออย่าง Copilot หรือ ChatGPT สังเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า สร้างข้อความที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย และต่อยอดกลยุทธ์ได้อย่างสร้างสรรค์ โดยไม่หลงไปกับคำตอบของเครื่องมือ เพราะเมื่อคนทำงานเข้าใจ “เหตุผลเบื้องหลังผลลัพธ์” จะไม่เพียงทำงานได้เร็วขึ้น แต่ยังคิดเชิงกลยุทธ์ได้ลึกขึ้น นี่คือความแตกต่างระหว่างการใช้ AI เพื่อ “ทำงานให้เสร็จ” กับการใช้ AI เพื่อ “ยกระดับคุณค่าและผลลัพธ์ของงาน”



ree

 


สร้างวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้ AI Literacy ในองค์กร


การสร้าง AI Literacy ที่ยั่งยืนไม่อาจเกิดจากการอบรมระยะสั้นแต่ต้องอาศัย “วัฒนธรรมการเรียนรู้ร่วมกับเทคโนโลยี” ที่ฝังอยู่ในทุกระดับขององค์กร แนวคิดนี้กำลังกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญขององค์กรชั้นนำทั่วโลก ภายใต้แนวคิด Learning in Action  การเปิดโอกาสให้พนักงานได้เรียนรู้จากการลงมือทำจริง พร้อมส่งเสริมความเข้าใจเรื่องข้อมูล จริยธรรม และความรับผิดชอบในการใช้เทคโนโลยี TIME Consulting เสนอแนวทาง 4 ขั้นตอนในการสร้างวัฒนธรรม AI Literacy ที่องค์กรไทยสามารถนำไปปรับใช้ได้


  1. การอบรมและพัฒนาพนักงาน : องค์กรควรออกแบบการเรียนรู้ที่เน้นการปฏิบัติจริงผ่าน Workshop, Online Training และ Hands-on Labs เพื่อให้พนักงานเข้าใจการทำงานของ AI และเห็นแนวทางประยุกต์ใช้ในงานประจำเริ่มจากการสำรวจระดับความพร้อม (Skill Gap) เพื่อจัดหลักสูตรให้ตรงจุด พร้อมแต่งตั้งทีม AI Champion ที่คอยให้คำแนะนำการเรียนรู้แบบนี้ช่วยยกระดับความเข้าใจเทคโนโลยีและการใช้งานที่รับผิดชอบ


  2. การสร้างคู่มือการใช้ AI ภายในองค์กร : เมื่อ AI ถูกนำมาใช้ในหลายแผนกควรมีคู่มือการใช้ AI (AI Usage Guideline) เพื่อกำหนดแนวทางที่ปลอดภัยและเป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยระบุ Use Case ในบริบทขององค์กร และ Do’s & Don’ts ที่ชัดเจน เช่น หลีกเลี่ยงการป้อนข้อมูลส่วนบุคคลในระบบสาธารณะหรือการตรวจสอบผลลัพธ์ก่อนใช้งานจริง คู่มือเป็นรากฐานของความไว้วางใจในการใช้ AI อย่างปลอดภัยและโปร่งใส


  3. การตั้ง AI Governance : กำหนดกรอบ Responsible AI ที่ยึดหลักความเป็นธรรม (Fairness) ความโปร่งใส (Transparency) และความรับผิดชอบ (Accountability) จัดให้มีระบบ Monitoring และ Audit เพื่อติดตามการใช้งานอย่างต่อเนื่อง และแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับระดับบริหารให้สอดคล้องกับมาตรฐานจริยธรรมและกฎหมายคุ้มครองข้อมูลของไทย (PDPA) การมี AI Governance ที่ชัด ช่วยลดความเสี่ยงและสร้างความเชื่อมั่นทั้งภายในและภายนอกองค์กร


  4. การสร้างชุมชน AI ภายในองค์กร : วัฒนธรรม AI Literacy จะยั่งยืนได้ต่อเมื่อองค์กรเปิดพื้นที่ให้เรียนรู้ร่วมกัน สร้าง AI Community of Practice ผ่าน Internal Forum หรือกิจกรรม Knowledge Sharing เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวทางการใช้ AI จริง ระบบ Peer Review และ Mentorship จะช่วยขยายความเข้าใจให้ทั่วถึงและสร้างแรงบันดาลใจให้ทีมงานนำเทคโนโลยีไปต่อยอด วัฒนธรรมนี้ทำให้ AI กลายเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานและการตัดสินใจในองค์กร



ree


AI Literacy กำลังกลายเป็นหนึ่งในทักษะสำคัญที่สุดของแรงงานยุคใหม่ เพราะองค์กรไม่ได้มองหาคนที่เพียงแค่ “ใช้ AI ได้” แต่ต้องการคนที่สามารถ “ใช้ AI อย่างเข้าใจและรับผิดชอบ” นักวิจัยจาก McKinsey เรียกบุคลากรกลุ่มนี้ว่า Agentic Workforce ผู้ที่ทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างอิสระ มีจริยธรรม และเข้าใจเทคโนโลยีอย่างลึกซึ้ง สำหรับผู้นำองค์กร การเริ่มต้นสร้างวัฒนธรรม AI ไม่จำเป็นต้องซับซ้อนหรือใหญ่โต การแต่งตั้งผู้รับผิดชอบโครงการ AI การสำรวจทักษะของทีมหลัก การเปิดพื้นที่ทดลองระยะสั้น และการบูรณาการนโยบาย Responsible AI เข้ากับกระบวนการบริหาร ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญ


TIME Consulting มองว่า AI Literacy เป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างเทคโนโลยีและมนุษย์ เป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้องค์กรก้าวจากผู้ใช้เทคโนโลยีไปสู่ ผู้ออกแบบอนาคต เพราะเมื่อมนุษย์เข้าใจเทคโนโลยีอย่างแท้จริง เทคโนโลยีก็สามารถทำงานร่วมกับมนุษย์อย่างชาญฉลาดและตอบสนองต่อความต้องการได้อย่างแท้จริง



bottom of page