top of page

Balancing Equality and Competition: A Deep Dive into Thailand's Wholesale Telecom Regulation เจาะลึกการกำกับดูแลโทรคมนาคมขายส่งของประเทศไทย สร้างสมดุลระหว่างความเท่าเทียมและการแข่งขัน


ในประเทศไทยตลาดค้าส่งในกิจการโทรคมนาคมประกอบด้วย 4 ประเภทบริการหลัก ได้แก่ บริการใช้โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม, บริการใช้โครงข่ายโทรคมนาคม, บริการเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคม, และบริการขายส่งโทรคมนาคมเพื่อขายต่อบริการ ซึ่งในบางตลาดมีผู้ให้บริการน้อยรายหรือผู้ให้บริการที่มีอำนาจเหนือตลาด (Significant Market Power: SMP) ทำให้เกิดปัญหาในการเข้าใช้บริการ เช่น เงื่อนไขไม่เหมาะสมหรือค่าตอบแทนสูงเกินไป ส่งผลต่อการแข่งขันและการเข้าสู่ตลาดของผู้ให้บริการรายใหม่ ตัวอย่างเช่น บริการท่อร้อยสายสื่อสารที่มีผู้ให้บริการหลักเพียงรายเดียว และมีการเรียกเก็บค่าตอบแทนสูงเกินไปจนกระทบต่อนโยบายของรัฐในการนำสายไฟฟ้าและสายสื่อสารลงใต้ดิน

การกำกับดูแลบริการค้าส่งในกิจการโทรคมนาคมจะอยู่ภายใต้การควบคุมของ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โดยมีประกาศต่าง ๆ เช่น ประกาศ กสทช. เรื่อง การใช้และเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคม พ.ศ. 2556 ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการแข่งขันและสร้างความเป็นธรรมในตลาด โดยกำหนดให้ผู้ให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคมต้องเปิดการเข้าถึงบริการให้ผู้ให้บริการรายอื่นและมีการกำหนดอัตราค่าตอบแทนสูงสุดที่สามารถเรียกเก็บได้ในบางบริการ


ปัจจุบันการกำกับดูแลบริการค้าส่งในประเทศไทยมีการใช้ข้อกำหนดที่เหมือนกันสำหรับทุกบริการและไม่มีการแยกข้อกำหนดระหว่างผู้ให้บริการที่มีอำนาจเหนือตลาด (SMP) กับผู้ให้บริการรายอื่น แม้จะมีคำสั่งของ กสทช. ให้ผู้ให้บริการที่เป็น SMP ต้องปฏิบัติตามมาตรการเฉพาะ แต่ก็ยังคงอ้างอิงแนวทางการปฏิบัติตามประกาศเก่า ซึ่งอาจทำให้การส่งเสริมการแข่งขันในตลาดเป็นไปอย่างจำกัด เพราะบริการค้าส่งแต่ละบริการ มีลักษณะของสภาพตลาดและความจำเป็นในการกำกับดูแลที่ต่างกัน

การกำหนดข้อกำหนดแก่ผู้ให้บริการทุกราย เช่น การเปิดเผยสัญญาการให้บริการและอัตราค่าตอบแทน หากใช้กับผู้ให้บริการที่เป็น SMP จะช่วยส่งเสริมความโปร่งใสในตลาด โดยทำให้หน่วยงานกำกับดูแลและผู้ให้บริการรายอื่นสามารถเปรียบเทียบได้ว่าการให้บริการนั้นไม่มีลักษณะที่ไม่เป็นธรรม อย่างไรก็ตาม การใช้ข้อกำหนดดังกล่าวกับผู้ให้บริการที่ไม่ได้เป็น SMP อาจส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันของผู้ให้บริการลดลง


ตัวอย่างต่างประเทศมีการกำกับดูแลบริการค้าส่งในกิจการโทรคมนาคมอย่างไร ?


จากตารางจะเห็นได้ว่าในต่างประเทศมีการกำหนดกรอบการกำกับดูแลที่ชัดเจน โดยหลายประเทศมีการกำกับดูแลผู้ให้บริการที่เป็น SMP ด้วยข้อกำหนดที่มากกว่าผู้ให้บริการรายอื่น และในบางประเทศมีการกำกับดูแลโดยวิเคราะห์แนวทางการกำกับดูแลแยกรายบริการ เพื่อให้เกิดการแข่งขัน และสร้างความเป็นธรรมในตลาด


ประเทศไทยควรมีการปรับปรุงการกำกับดูแลบริการค้าส่งในกิจการโทรคมนาคมอย่างไรให้เกิดการแข่งขันในตลาดอย่างเท่าเทียมกัน ?


จากรูปแบบการกำกับดูแลในต่างประเทศ สามารถนำมาปรับปรุงแนวทางการกำกับดูแลบริการค้าส่งในกิจการโทรคมนาคมของประเทศไทยได้ โดยปรับปรุงจากรูปแบบการกำกับดูแลแบบเดิมที่เป็นการกำกับดูแลทุกบริการด้วยข้อกำหนดที่เหมือนกัน และไม่มีการแยกข้อกำหนดระหว่างผู้ให้บริการที่เป็น SMP กับผู้ให้บริการรายอื่น เป็นการกำกับดูแลโดยวิเคราะห์แนวทางการกำกับดูแลแยกรายบริการ และแบ่งการกำกับดูแลออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ 1) บริการที่ต้องเปิดการเข้าถึงบริการและกำกับดูแลอัตราค่าตอบแทน (Open Access & Price Regulation) 2) บริการที่ต้องเปิดการเข้าถึงบริการ (Open Access) 3) บริการที่ต้องติดตามการให้บริการ (Monitor) และกำหนดให้ผู้ให้บริการที่เป็น SMP ต้องเปิดการเข้าถึงบริการและมีการกำกับดูแลค่าตอบแทน หรือมีข้อกำหนดอื่น ๆ


โดยบริการที่ต้องเปิดการเข้าถึงบริการและกำกับดูแลอัตราค่าตอบแทน รวมถึงผู้ให้บริการที่เป็น SMP ในทุกบริการควรมีข้อกำหนดที่มากกว่าผู้ให้บริการรายอื่นในบริการที่ต้องเปิดการเข้าถึงบริการ หรือบริการที่ต้องติดตามการให้บริการ เช่น การกำหนดอัตราค่าตอบแทนที่สะท้อนต้นทุน การจัดทำข้อเสนอการให้บริการ และการเปิดเผยสัญญาการให้บริการเป็นการทั่วไป เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และไม่เลือกปฏิบัติ ในขณะที่บริการที่ต้องเปิดการเข้าถึงบริการ อาจต้องจัดทำข้อเสนอการให้บริการ แต่ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยสัญญาเป็นการทั่วไป และสามารถเจรจาต่อรองอัตราค่าตอบแทนกันเองได้ และสำหรับบริการที่ต้องติดตามการให้บริการอาจจัดทำแค่ข้อมูลสรุปการทำสัญญาเพื่อรายงานให้ กสทช. ทราบ


การแบ่งระดับการกำกับดูแลจะส่งผลดีอย่างไรต่อกิจการโทรคมนาคม ?


การแบ่งระดับการกำกับดูแลจะช่วยทั้งในด้านการกำกับดูแล และด้านการแข่งขันในตลาด โดยในด้านการกำกับดูแลจะช่วยให้มีการกำกับดูแลที่เหมาะสมในแต่ละบริการ มีความชัดเจนในเรื่องหน้าที่ของผู้ให้บริการมากขึ้น รวมถึงช่วยลดภาระในการกำกับดูแลที่ไม่จำเป็นให้กับสำนักงาน กสทช. ในส่วนของด้านการแข่งขันในตลาดจะช่วยให้มีการแข่งขันในตลาดค้าส่งเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการกำกับดูแลผู้ให้บริการที่เป็น SMP อย่างเข้มงวด มีการกำกับดูแลเพื่อให้ผู้ให้บริการสามารถเจรจาตกลงเงื่อนไขและอัตราค่าตอบแทนระหว่างกันได้ รวมถึงมีการกำกับดูแลอัตราค่าตอบแทนในบริการค้าส่งที่เป็นต้นทุนหลักในการให้บริการโทรคมนาคมอื่น ๆ ทำให้ไม่เกิดอุปสรรคในการเข้าใช้บริการ นอกจากนี้ การแข่งขันในตลาดค้าส่งที่เป็นธรรมจะส่งผลต่อเนื่องไปยังตลาดค้าปลีก โดยช่วยให้เกิดผู้ให้บริการรายใหม่ในตลาดค้าปลีก ทำให้ผู้ใช้บริการปลายทางมีทางเลือกในการใช้บริการมากขึ้น เกิดการแข่งขันในตลาดค้าปลีก ซึ่งจะทำให้ค่าบริการค้าปลีกมีอัตราที่เหมาะสมมากขึ้น และเกิดการพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่อง


สรุป

         ปัจจุบันบริการค้าส่งในกิจการโทรคมนาคม บางประเภทมีผู้ให้บริการน้อยราย หรือมีผู้ให้บริการที่มีอำนาจเหนือตลาด (SMP) ซึ่งส่งผลให้เกิดอุปสรรคในการเข้าถึงบริการ การกำกับดูแลที่ใช้ข้อกำหนดเดียวกันทุกบริการและไม่มีการแยกข้อกำหนดระหว่างผู้ให้บริการ SMP กับผู้ให้บริการรายอื่น ทำให้การส่งเสริมการแข่งขันในตลาดมีข้อจำกัด ซึ่งประเทศไทยสามารถนำแนวทางการกำกับดูแลที่แบ่งออกเป็น 3 ระดับมาปรับใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็นบริการที่ต้องเปิดการเข้าถึงและกำกับดูแลอัตราค่าตอบแทน (Open Access & Price Regulation) , บริการที่ต้องเปิดการเข้าถึง (Open Access) , บริการที่ต้องติดตามการให้บริการ (Monitor) รวมทั้งยังมีข้อเสนอให้ผู้ให้บริการ SMP ต้องเปิดการเข้าถึงบริการและกำกับดูแลอัตราค่าตอบแทนหรือมีข้อกำหนดเพิ่มเติม เพื่อส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรมทั้งในตลาดค้าส่งและค้าปลีก และช่วยให้การกำกับดูแลมีความเหมาะสมยิ่งขึ้น


ที่มา

bottom of page